The 7 Wonders of the Ancient World เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวกรีกโบราณ รวบรวมโดย Antipater of Sidon กวีในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตศักราชกรีซโดยมีส่วนร่วมในภายหลังโดยนักคณิตศาสตร์ Philon of Byzantium ซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์ต่อไปรายการนี้ยังคงเป็นมรดกทางวัตถุที่ได้หายไปแล้วในปัจจุบัน
แม้ว่าสิ่งมหัศจรรย์ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในสภาพทรุดโทรมแต่ศิลปิน Budget Direct ก็ใช้จินตนาการและเสร้างมันขึ้นมาสู่โลกปัจจุบัน ถึงจะเป็นแค่ภาพ 3 มิติ แต่มันก็ดูสมจริงมาก หลังจากการวิจัยในเชิงลึกงานพิเศษของการออกแบบสถาปัตยกรรมคู่ Keremcan Kirilmaz และ Erdem Batirbek ภายใต้การแนะนำของผู้กำกับศิลป์ของ NeoMam และศิลปินกราฟิกเคลื่อนไหวที่ Fractal Motion การพักผ่อนที่เหมือนจริงแสดงให้เห็นว่าสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดจะดูดีอย่างไร
เพิ่มเติม: t: boredpanda
ยักษ์ใหญ่ 108ft ยืนอยู่ข้าง ๆ ท่าเรือ Mandraki เท้าของมันวางไว้บนฐาน 49 ฟุตเพื่อให้เรือแล่นผ่านระหว่างขาของมันได้ อันที่จริงแล้วรูปปั้นยักษ์ของเทพเจ้าดวงอาทิตย์ Helios นี้ถูกแกะสลักจากอาวุธและโล่ที่ละลายลงจากกองทัพไซปรัสซึ่ง ยักษ์ใหญ่ตั้งอยู่ได้ไม่นานก็ถูกโค่นล้มโดยแผ่นดินไหวหลังครึ่งศตวรรษต่อมา และมันยังคงอยู่ในแนวนอนเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสงสัยต่อไปอีก 800 ปีจนกระทั่งมุสลิมกาหลิบ Muawiyah I ละลายรูปปั้นลงและขายเป็นเศษเหล็ก
เล่าแบบยาวหน่อยคือ เป็นรูปของเทพเจ้าเฮลิออส หรือ อพอลโล สูงถึง 105 ฟุต หรือ 32 เมตร ละหนักถึง 295 ตัน หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในท่ายืน ตัวเทวรูปตั้งอยู่บนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าว องค์เทวรูปยืนถ่างคร่อมปากอ่าว ให้เรือลอดไปมาได้ มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่บนอกทำให้เรือที่แล่นออกจากอียิปต์มองเห็นได้ชัดเจน
ประวัติความเป็นมาของรูปปั้นมหึมานี้ ย้อนกลับไปเมื่อสองพันกว่าปีก่อน ในปี 357 ก่อน ค.ศ. เกาะโรดส์ (Rhodes – ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศกรีซ) ซึ่งเป็นอีกเมืองท่าสำคัญในยุคนั้น ถูกยึดครองโดย Mausolus แห่ง Halicarnassus (ผู้ที่หลุมศพของพระองค์กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคต้นนั่นเอง) จนถึงปี 332 ก่อน ค.ศ. ก็กลายเป็นของ Alexander มหาราช จนเมื่อสิ้นยุคของพระองค์ อำนาจเหนืออาณาจักรทั้งหลายก็ตกอยู่ในมือของ Ptolemy, Seleucus และ Antigous ชาวเกาะโรดส์ได้ตัดสินใจ ร่วมรบกับพระเจ้าปโตเลมีแห่งอียิปต์ ทำให้ Antigous ไม่พอใจ จึงส่ง Demetrius ลูกชายพร้อมกองทหาร 40,000 คน (ซึ่งมากกว่าประชากรชาวโรคส์ทั้งหมดเสียอีก) มาโอบล้อมเกาะเอาไว้เพื่อสั่งสอน แต่จนแล้วจนรอด กองทหารของ Demetrius กลับไม่สามารถตีฝ่ากำแพงอันแน่นหนาของโรดส์ได้ เกิดการปะทะกันอยู่เกือบปีจนในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้กลับไป เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งใหญ่และเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการหลุดพ้นจากชาว แมซีโดเนียชาวโรดส์จึงตั้งใจจะสร้างเทวรูปของเทพเจ้า Helios (หรืออพอลโล เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์) โดยมอบให้ปฏิมากรผู้หนึ่งซึ่งได้ร่วมรบในสงครามครั้งนี้ ชื่อว่า ชาเรส (Chares) แห่ง ลินดัส (Lindos) เป็นสถาปนิกผู้ดำเนินการสร้าง รูปปั้นนี้มีชื่อว่า โคลอสซัส หล่อขึ้นมาจากโลหะต่าง ๆ ที่เหลือจากการสงครามและที่ชาวแมซีเนียนทิ้งไว้ ชาเรสทำงานหนักตลอดเวลา 12 ปี ทุ่มเทให้กับรูปปั้นนี้ แต่มีเรื่องเล่าว่า Chares ไม่สามารถอยู่ทันได้ดูงานของเขาเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่เขาเกือบจะเสร็จงานชิ้นเอกนี้ ก็พบว่ามีการคำนวณสัดส่วนผิดไป เขาผิดหวังมากถึงกับปลิดชีพตัวเอง แต่กระนั้นก็ไม่มีหลักฐานใดมายืนยันเรื่องเล่าเหล่านี้
|
สร้างขึ้นเมื่อ 4,500 ปีก่อน โดยใช้หินที่มีน้ำหนัก 2.5 ถึง 15 ตันต่อปีมหาพีระมิดยังคงเป็นโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นที่สูงที่สุดในโลกเกือบสี่พันปี การขุดรอบๆใกล้เคียงทำให้ได้ข้อมูลมาว่าที่นี่ใช้กลุ่มคนที่มีทักษะและพวกเราได้รับการดูแลอย่างดีมากถึง 100,000 คน ซึ่งมาจากทั่วประเทศเพื่ออาศัยอยู่ในเมืองชั่วคราวเตอนที่พวกเขาสร้างปิรามิดแห่งนี้
อนุสาวรีย์นี้เป็นรูปสลักเทพเจ้าซีอุส นั่งบนบัลลังก์สีทองที่แกะสลักด้วยงาช้างจำนวนมากมาประกอบกันขึ้นผู้ที่ปั้นเทวรูปซีอุสนี้ เป็นปฏิมากรเอกชาวกรีก ชื่อ ฟีดีอัส เป็นคนเดียวกับที่สร้างวิหารพาเธนอน ในกรุงเอเธนส์ และสนามกีฬาโอลิมปิค
เทวรูปซีอุส เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยุคเก่าแก่สิ่งหนึ่งของโลก คือ สร้างขึ้นประมาณ 2,400 ปีก่อน ระหว่างปี ค.ศ. 53 – 111 ตามตำนานที่จารึกไว้ได้ระบุว่าเทวรูปทำจากงาช้างสูง 58 ฟุต มีขนาดใหญ่กว่าคนปรกติถึง 8 เท่า พระหัตถ์ซ้ายทรงคทา พระหัตถ์ขวารองรับ รูปปั้นแห่งชัยชนะ (A small figure of Victory ) มีเครื่องประดับประดาด้วยทองคำล้วน ชาวโรมันเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จูปีเตอร์ ชาวกรีกได้เรียกเทวรูปนี้ว่า ซุส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นผู้นำแห่งเทพเจ้า ซึ่งชาวกรีกนับถื่อมากที่สุดในยุคนั้น ใครจะออกเดินทางไปเมืองใดต้องมาพรจากพระองค์เสียก่อน แต่บัดนี้ไม่มีหลักฐานให็เป็นที่ชมได้เพราะได้ถูกไฟเผาไหม้หมดทั้งองค์ในปี ค.ศ. 476 คงเห็นภาพในเหรียญตราโบราณ และจากจินตนาการที่ได้มาจากคำบอกเล่า หรือ นิยายปรัมปราเท่านั้น แต่ความงาม ความใหญ่โตศักดิสิทธิ์ยังคงเป็นที่ยกย่องเล่าลือมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่เหลือแม้แต่ซากให้ได้เห็นแล้วครับ
สนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลกอย่างหนึ่ง เป็นอนุสรณ์ที่ใหญ่โตของอาณาจักรโรมันสมัยโบราณ เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส (Titus) ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือระหว่าง พ.ศ. 615 ถึง 623 (ค.ศ. ที่ 72 ถึง 80) ตัวสนามมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น ภายในมีอัฒจรรย์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 50,000 คน ใต้อัฒจรรย์ และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโตหลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมาก ปีๆ หนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน
No Comments Yet!
You can be first to leave a comment